เรื่องเล่าสุขภาพ

ไขข้อแห้ง
 หมายเหตุเงียบไปหลายวัน..ผมไปตัดต่อภาพเรื่อง นครวัดนครธม เพื่อออกอากาศทีวีออนไลน์ Jamrat.net

                                          โรคไขข้อแห้ง
                                         จำรัส  เซ็นนิล  รวบรวม/เรียบเรียง
         หนุ่มน้อยสาวน้อยส่วนใหญ่มักประสบกับปัญหาเรื่องไขข้อกระดูกเสื่อมเดินไปไหนลำบากปวดๆเจ็บทรมานจนไม่อยากลุกเดิน วันๆมีแต่นั่งๆนอนๆ ยิ่งบางรายลูกๆเอาหลานมาให้เลี้ยงอีกยิ่งไปกันใหญ่ หลานก็ซนครั้นจะบ่นก็กลัวไม่ได้อยู่กับหลาน..ความเหงาก็จะมาเยือน ฮ่าๆๆ
       โรคไขข้อและโรคกระดูกพรุนมักจะเกิดกับผู้สูงอายุ เนื่องจากวัยที่แปรเปลี่ยนความเสื่อมโทรมของเซลล์ต่างๆในร่างกายก็จะเกิดขึ้นโดยเฉพาะการสูญเสียแคลเซียมที่กระดูกความแข็งแรงก็ลดลง การป้องกันผู้สูงอายุควรได้รับอาหารที่ดี แคลเซียมเพียงพอ ประมาณวันละ ๘๐๐ มิลลิกรัม แคลเซียมมีมากในน้ำนม ปลาป่น กุ้งแห้งและผักใบเขียวที่มีปริมาณแคลเซียมสูงได้แก่ ใบยอ ใบชะพลู ฝักมะขามอ่อน ยอดแค ผักกระเฉดและยอดสะเดา (จะมี สว.สักกี่คนที่ได้อ่านเว็บนี้ ฝากลูกหลาน หามาให้ท่านกินด้วย) พ่อแม่ สามารถเลี้ยงดูลูกๆถึง ๘-๙ คนได้ แต่ลูกหลายๆคนยากที่จะดูแลพ่อแม่ได้ดียามพ่อแม่แก่เฒ่า)  แง้ๆๆ

 ต้นยอ

 ใบชะพลู

        พระคุณเจ้าพระไพสุทธิวรรณ จากวัดสมเด็จน้อย ต.แม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ แนะนำผมว่าเคล็ดลับภูมิปัญญาพื้นบ้านที่คนเฒ่าคนแก่สืบทอดกันมานาน ท่านให้นำถั่วเขียวหนัก ๔ บาทยา ( ๑ บาทยาเท่ากับ ๑๕ กรัม) น้ำตาลทรายแดงหนัก  ๒  บาท น้ำซาวข้าวเจ้า ๖ ชาม นำทั้งหมดใส่หม้อต้มให้เดือดเหลือ ๒ ชาม กินก่อนอาหาร ๓๐ นาที เช้า-เย็น ครั้งละครึ่งชามข้าวต้ม ทำกินทุกๆวันติดต่อกันสัก ๒๐ วัน รับรองว่ากระดูกจะผลิตน้ำเลี้ยงไขข้อออกมาเลี้ยงข้อต่อได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้เดินไปไหนมาไหนได้โดยไม่ปวด เลี้ยงหลานได้สบาย ฮ่าๆๆ

 สมุนไพรทองพันชั่ง
   อีกสูตรให้ใช้สมุนไพรใบทองพันชั่ง ประมาณ  ๑  กำมือใส่หม้อดินเติมน้ำท่วมยา ต้มให้เดือด ดื่มก่อนอาหาร  ๓ เวลา เพียง ๑๕ วัน อาการไขข้ออักเสบจะหายไป
     เรื่องนี้ผมเคยเขียนไว้ในหนังสือเล่มเดียวคุ้มโรคภัย เล่ม ๑ หน้า ๒๐๓ หาอ่านได้ที่ร้านซีเอ็ดบุ๊คทั่วประเทศ หนังสือเล่มนี้อ่านแล้วห้ามวาง (หายมาเยอะแล้ว) จะบอกให้  แม้แต่ญาติยืมแล้วไม่เคยคืน ฮ่าๆๆ

 ดีเจ.ดัง สวท.ยโสธร ส่งมาให้
 
                                                        ------------------------------------ 

blog comments powered by Disqus