11 มี.ค. 2559 เวลา 7:15 น., โดย จำรัส เซ็นนิล
ยางมะม่วงกัดปาก
ยางมะม่วงกัดปาก
“ประโยชน์ทางยามากว่าที่คิด”
จำรัส เซ็นนิล รวบรวม/เรียบเรียง
น่าเห็นใจบรรดาผู้ที่ชอบกินมะม่วง ยิ่งช่วงที่มะม่วงมีผลผลิตออกมาเยอะๆ บางคนผ่ากินไม่ทันใจ ต้องใช้วิธีกัดกินทั้งลูก ไม่ว่ากินดิบกินสุกอร่อยไม่แพ้กัน หลายคนกินเพลินจนลืมระมัดระวังยางที่อยู่บริเวณขั้วลูกมะม่วงถูกขอบริมฝีปากกัดเป็นแผลทั้งซ้าย-ขวาฮ่าๆ
สำหรับ คนที่มีความพร้อมก็ไปหาหมอตรวจเพื่อให้ยามารักษา แต่ก็มีหลายคนยอมเจ็บปวดปล่อยให้กาลเวลาเยียวยาจนหายไปเอง และก็มีบางคนก็โทรหาผม ฮ่าๆๆ เดือดร้อนแล้วไหมล่ะ เอ้าค้นหามาบอกครับ เรื่องแบบนี้ภูมิปัญญาพื้นบ้านที่คนเฒ่าคนแก่สอนลูกสอนหลานมาตลอด ซึ่งมีเคล็ดลับนิดเดียวเวลา ยางมะม่วงกัดปากให้นำเม็ดในมะม่วงมาฝนผสมกับปูนแดงที่คนสมัยก่อนกินกับหมาก
ผสมเสร็จตามอัตราส่วนที่เราต้องการพอเหมาะแล้วทาบริเวณที่เป็นแผลที่ถูกยางมะม่วงกัดปากสัก ๓-๔ วันจะหายสนิทฮ่าๆๆง่ายนิดเดียว และครั้งที่ผมไปที่แคชเมียร์ภาคเหนือของอินเดีย ทราบว่าคนอินเดียจะนำเม็ดในมะม่วงสุกมาตากแห้งต้มเอาน้ำดื่ม หรือบดเป็นผงกินแก้ท้องอืดแน่นและขับพยาธิได้ด้วย ฮ่าๆๆ
ส่วนเปลือกผลดิบมะม่วงนำมาคั่วรับประทานร่วมกับน้ำตาล แก้อาการปวดเมื่อยเมื่อมีประจำเดือน แก้ปวดประจำเดือนฉะนั้นเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน ปวดประจำเดือนไม่ต้องโทรหาผม ฮ่าๆๆลองใช้เปลือกมะม่วงดู แก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ทุเลาเบาบางลงได้ และใบมะม่วงสดนำมาต้ม ใช้ล้างบาดแผลภายนอกได้หรือจะใช้ใบมะม่วงสดล้างให้สะอาดแล้วนำมาตำและพอกบริเวณที่เป็นแผลใช้เป็นยาสมานแผลสด
เขียนถึงมะม่วงทราบไหมครับว่ามะม่วงจัดเป็นไม้ยืนต้นที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอินเดีย และถือว่าเป็นผลไม้ประจำชาติของประเทศอินเดียนะครับ ในบ้านเรานั้นมะม่วงจัดเป็นผลไม้เศรษฐกิจซึ่งส่งออกมะม่วงเป็นอันดับ ๓ ของโลก
คนจีนเรียกมะม่วงว่า “มั่งก้วย” เขมรเรียก “สะวาย” มีคติความเชื่อว่ามะม่วงเป็นต้นไม้มงคลชนิดหนึ่งที่มีมาแต่ครั้งพุทธกาล คนโบราณเชื่อว่าหากนำมาปลูกไว้ในบริเวณบ้านทางทิศใต้ (ทักษิณ) จะทำให้เจ้าของบ้านและผู้อยู่อาศัยมีความร่ำรวยยิ่งขึ้น แต่ถ้าปลูกทางทิศเหนือหรือทิศอื่นจนติดดอกติดผลแล้วอย่าไปโค่นนะครับ เสียดาย ฮ่าๆๆ
มะม่วง เป็นผลไม้ที่มีไขมันอิ่มตัว คอเลสเตอรอล และโซเดียมต่ำ และยังเป็นแหล่งอาหารที่อุดมด้วยไฟเบอร์ วิตามินบี ๖ ช่วยป้องกันโรคหัวใจ แล้ว ก็ยังช่วยป้องกันและสร้างเสริมการทำงานของสมอง มีวิตามินเอ และวิตามินซี รวมทั้งโพแทสเซียม แมกนีเซียม และสังกะสี
นอกจากนี้ก็ยังมีเควอซิทิน (Quercetin) เบต้าแคโรทีน (Beta Carotine) กรดโฟลิก และ แอสตรากาลิน (astragalin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีทรงพลัง ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคหัวใจ ริ้วรอยก่อนวัย โรคมะเร็ง หรือภาวะเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ ที่เกิดจากสารอนุมูลอิสระในมะม่วงก็ยังมีเพคติน (pectin) สูง และมีผลการวิจัยพบว่าสารเพคตินนี่ล่ะที่มีผลต่อการป้องกันการเกิดมะเร็งในระบบทางเดินอาหารได้
มะม่วงของดีมีอยู่ในสวนเราเองครับ ใครยังไม่มีปลูก รีบหามาปลูก อย่างน้อยต้นสองต้นก็ยังดีพันธุ์อะไรก็ได้ที่เราชอบ เป็นการอนุรักษ์สายพันธุ์ไปด้วย เหนือสิ่งอื่นใด มะม่วงมีสรรคุณมากมายจริงๆกินมากๆเป็นยาระบายได้เป็นอย่างดี แป๊ดๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ (ลำไส้สะอาดโรคไม่เกิด)
---------------------------------------------------------