รวบรวมความรู้ ภูมิปัญญาชาวบ้านของไทย ให้คนรุ่นหลังได้สืบสานต่ออย่างภาคภูมิใจ
มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งต่อมลูกหมาก “ภัยร้ายที่ชายต้องระวัง บำบัดด้วยน้ำทับทิม” จำรัส เซ็นนิล รวบรวม/เรียบเรียง ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ต่อมลูกหมากกับลูกอัณฑะเป็นอวัยวะคนละส่วนกันนะครับ ยังมีหลายคนเข้าใจผิดคิดว่าต่อมลูกหมากคือลูกอัณฑะ ต่อมลูกหมากเป็นต่อมที่อยู่รอบท่อปัสสาวะส่วนต้นบริเวณ ปากทางออกของกระเพาะปัสสาวะ มีรูปร่างลักษณะคล้ายเม็ดเกาลัด ทำหน้าที่ผลิตน้ำเมือกและน้ำหล่อเลี้ยงตัวอสุจิ ซึ่งมีความสำคัญ อย่างยิ่งต่อระบบ สืบพันธุ์เพศชาย ส่วนลูกอัณฑะจะทำหน้าที่สร้างเชื้ออสุจิ สำหรับมะเร็งต่อมลูกหมากเกิดจากการแบ่งตัวของเซลล์ต่อมลูกหมากที่เพิ่มขึ้นผิดปกติ มักจะ เกิดในผู้ชายอายุตั้งแต่ ๔๐ ปีขึ้นไป และจะตรวจพบมากขึ้นตามช่วงอายุ ที่เพิ่มขึ้น ผู้ที่มีประวัติบิดาหรือพี่น้องเคยเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากจะมี โอกาสเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป มะเร็งต่อมลูกหมากในระยะแรกจะไม่แสดงอาการใด ๆ และ สามารถรักษาให้หายได้ แต่เมื่อมะเร็งขยายตัวมากขึ้นจนไปกดทับ ท่อปัสสาวะ จะส่งผลให้ผู้ป่วยปัสสาวะลำบากและบ่อยขึ้น จนถึง ขั้นปัสสาวะเป็นเลือด โดยในระยะสุดท้ายมะเร็งจะแพร่กระจายไปยัง ต่อมน้ำเหลือง กระดูก และอวัยวะอื่น ๆ ซึ่งจะไม่สามารถรักษา ให้หายขาดได้ แต่การรักษาจะมุ่งเน้นไปที่การยับยั้งการลุกลามของเซลล์มะเร็ง และคงสภาพให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตปกติได้มากที่สุด น.พ.สุรพันธุ์ หลายปีมาแล้วผมได้ไปทำข่าวการสัมมนาเรื่องเทคโนโลยีชะลอวัยที่โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค ถนนรัชดา กรุงเทพฯ ทำให้ผมได้รู้จักกับ น.พ.สุรพันธุ์ ศรีวัฒนกุล ท่านเป็นหมออยู่ที่เมืองดาลัส มลรัฐเท็กซัส ร่วม ๕๐ ปี และจากการพูดคุยท่านแนะนำผมว่า ผลไม้ที่ป้องกันบำบัดเจ้ามะเร็งร้ายที่ดีที่สุดคือ “ทับทิม” “ การรักษามะเร็งแพทย์ทางเลือก ทุกวันนี้ได้รับการยอมรับมาก คนเป็นมะเร็งที่ฉายแสงและทำคีโม (เคมีบำบัด) โอกาสรอดมีไม่ถึง ๑๕ % แต่แพทย์ทางเลือกมีโอกาสรอด ๘๕ % ไม่ว่ามะเร็งชนิดไหน ให้ดื่มน้ำทับทิม วันละ ๔ แก้ว และผลไม้อะไรก็ได้ที่มีรสเปรี้ยว มีวิตามินซีสูงๆ เช่นมะเขือเทศ มะนาวสามารถหยุดยั้งเซลล์มะเร็งได้” ผมเคยเขียนเรื่องนี้ลงในหนังสือ “เล่มเดียวคุ้มโรคภัย” เล่ม ๓ มาแล้ว (หน้า ๓๘) ทับทิมถือเป็นผลไม้จากสวรรค์ เป็นของขวัญจากพระเจ้า มีถิ่นกำเนิดจากเปอร์เซีย อิหร่านในปัจจุบัน และมีแถบอินเดียตอนเหนือบริเวณเทือกเขาหิมาลัย แถวแคชเมียร์ดินแดนที่ชาวโลกขนานนามว่าสวรรค์บนดิน ซึ่งครั้งหนึ่งผมและเพื่อนนักข่าวเคยควบม้าไปตามแนวสันเขาสัมผัสความสวยงามมาแล้วกลางคืนก็ไปนอนที่บ้านเรือสิ่งที่ยังคงหลงเหลือมาจากยุคล่าอาณานิคมของอังกฤษ ในทะเลสาบดาลของอินเดีย ทับทิมอินเดีย ในผลทับทิมมีวิตามินมากมายหลายชนิดทั้งวิตามิน เอ , อี , ซี , ธาตุเหล็ก รวมทั้งแมกนีเซียมและแคลเซียม มีผลจากการวิจัยทางการแพทย์พบว่าทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่มีประสิทธิภาพสูงมาก และมีประโยชน์ต่อผิวในเรื่องการช่วยต่อต้านริ้วรอย สามารถลดภาวะการสะสมไขมันในผนังเส้นเลือด ป้องกันเส้นเลือดอุดตันและแข็งตัว บำรุงหัวใจในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือด โดยเพิ่มการไหลเวียนที่ดีขึ้น บำรุงตับ ป้องกันการเป็นพิษต่อตับ ได้ ( Hepatoprotectiv effect ) และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระยับยั้งเซลล์มะเร็งต่างๆได้ดีมาก เคยมีผู้ป่วยโรคนิ่วในไต หลังดื่มน้ำทับทิมแล้วหายภายในเวลา ๑ สัปดาห์ อาการมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมะเร็งปากมดลูก ดีขึ้น ๕๐% ภายใน ๑ สัปดาห์ อาการมะเร็งต่อมลูกหมากดีขึ้น ๕๐% ภายใน ๔ วัน และผู้ป่วยยกเลิกการผ่าตัดบายพาสหัวใจ หลังกินน้ำทับทิมไปเพียง ๒-๓ สัปดาห์ อาการมะเร็งปากมดลูก เนื้องอกตามอวัยวะต่างๆหายไปกว่า๘๐ % ภายใน ๑๐ วัน โรคไซนัสเรื้อรังภูมิแพ้ก็ดีขึ้นภายใน ๒สัปดาห์ และสามารถบำบัดอาการปวดขาเรื้อรัง ฟอกไตให้สะอาด ล้างพิษลำไส้ ยับยั้งกระดูกผุ ลดภาวะกระดูกพรุน บำรุงเลือด สำหรับสูตรน้ำทับทิมสดที่ใช้บำบัดอาการดังกล่าว ถือเป็นสูตรยาอายุวัฒนะคือทั้งฟื้นฟูร่างกายและมีฤทธิ์ในการฆ่าเซลล์มะเร็งร้ายอีกด้วย วิธีทำก็ไม่ยุ่งยาก เพียงนำผลทับทิมสด ห้ามปอกเปลือกหรือเอาเมล็ดออก ให้นำไปล้างน้ำแล้วใช้ทั้งผล นำ มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆแล้วใส่เครื่องปั่น หรือเครื่องคั้นน้ำผลไม้แยกกากก็ได้ ให้ได้น้ำคั้นจากเปลือก เมล็ด และเนื้อทับทิม โดยใช้ทับทิม ๑ ลูก ต่อ ๑ คน หลังจากนั้นใส่น้ำโซดาลงไป ควรเป็นโซดาแช่เย็น เพื่อให้เกิดปฏิกริยาในการกลั่นยาให้ได้ผลดี โซดาประมาณ ๑ แก้วต่อทับทิม ๑ ผลและ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของยา ให้ใส่น้ำผึ้ง ๒ ช้อนชา ต่อทับทิม ๑ ผลผสมทุกอย่างให้เข้ากัน ให้ทำดื่มวันละ ๓ เวลา หรืออย่างน้อยวันละ ๑-๒ ครั้ง ถ้าได้ดื่มวันละ ๔ ครั้งจะเห็นผลเร็วมาก อย่างไรก็ตามเมื่อได้รู้ถึงสรรพคุณอันโดดเด่นของน้ำทับทิมแล้ว พยายามหามาทำดื่ม ไม่จำเป็นต้องให้เกิดโรคก่อนค่อยดื่ม แต่อยากให้ทุกท่านดื่มป้องกันไว้จะดีกว่า อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งสองครั้งกินๆหยุดๆก็ไม่เสียหลายมีแต่ดีกับดี ร่างกายแข็งแรงอีกด้วย กันไว้ดีกว่าแก้ แย่แก้อาจไม่ทัน ฮ่าๆๆ -------------------------------------------