เรื่องเล่าสุขภาพ

ชาวแม่วงก์สุขสบายดีหรือไฉน

                                                   ชาวแม่วงก์ สุขสบายดีหรือไฉน..?
       กว่า ๓๐ ปีที่ผ่านมา ระหว่างรอการพิสูจน์อย่างทรหดระหว่างหน่วยงานภาครัฐด้วยกัน ระหว่างหน่วยงานกับเอ็นจีโอขีวิตผู้คนหล่นหายตามรายทางมากน้อยแค่ไหนสุดจะหยั่งรู้ เช่นเดียวกับความยากจนก็ยังคงคุกคามและเกาะกุมผู้คนลุ่มน้ำแม่วงก์อย่างไม่รู้จบสิ้น
       ปี ๒๕๒๕-๒๕๒๙ สำนักพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้บรรจุโครงการพัฒนาลุ่มน้ำสะแกกรัง ซึ่งเป็นร่มธงใหญ่ของลุ่มน้ำแม่วงก์ไว้ในแผนพัฒนาฯฉบับที่ ๕ ในช่วงนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย ได้ขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลญี่ปุ่น โดย JICA ศึกษาลุ่มน้ำสะแกกรัง ซึ่งประกอบด้วยแผนพัฒนาลุ่มน้ำสะแกกรัง และความเหมาะสมของโครงการเขื่อนแม่วงก์ และมีข้อสรุปว่า เขื่อนแม่วงก์เป็นโครงการที่มีศักยภาพอันดับหนึ่ง
     หลังจากนั้น มีพระราชกฤษฎีกา กำหนดพื้นที่ป่าแม่วงก์เป็นอุทยานแห่งชาติ โดยถือกำเนิดวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๓๐
             
  ใครเกิดก่อนหลัง ไม่สำคัญ เพราะสิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นประโยชน์สาธารณะทั้งสิ้น .........
ซ้าย ดร.สมเกียรติ ขวา ผอ.วิศาล
          การเดินทางครั้งนี้ผมมาพร้อมกับคณะสื่อมวลชน วิทยุ โทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ ๑๕ ชีวิตครับ ต้องขอขอบคุณดร.สมเกียรติ  ประจำวงก์ ผอ.โครงการเขื่อนแม่วงก์ และผอ.วิศาล  วสุนธาราพร ผอ.โครงการชลประทานนครสวรรค์ ที่ได้ให้ผมติดตามลงพื้นที่ ได้พบปะพูดคุยกับชาวบ้าน ทราบว่ามีการทำประชาพิจารณ์มาอย่างต่อเนื่อง
     “ โอย..คุณจำรัสทำประชาพิจารณ์มาไม่รู้ กี่ร้อยรอบแล้ว รัฐบาลศึกษาความเป็นไปได้มาไม่รู้กี่รัฐบาล” คุณประสงค์อินขุน รองประธานลุ่มน้ำปิง เล่าให้ผมฟัง
   “ ผลตอบรับชาวบ้านเป็นอย่างไรครับ”
 “  ไม่มีใครไม่อยากได้เขื่อนหรอกครับ เพราะที่ผ่านมา น้ำท่วมพืชผลทางการเกษตรเสียหายหมด พอหน้าแล้ง นาข้าวก็เหี่ยวเฉาตาย มันลำบากจริงๆครับ ใครไม่มาอยู่ไม่รู้หรอกครับ”
คุณประสงค์ อินขุน รองประธานลุ่มน้ำปิง ๐๘-๖๒๑๑-๙๘๖๐

   คืนวันพฤหัสบดีที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๕ ผมพักค้างแรมที่รีสอร์ท เรวาริเวอร์วิลล์ ติดลำน้ำสะแกกรัง ที่ไหลลงมาจากเขาโมกูจู
  ผมได้นั่งจับเข่าคุยกันกับกำนันโต นายบุญชู พรหมมารักษ์ ( ๐๘-๔๔๙๔-๓๓๓๒ )อดีตกำนัน ต.แม่เล่ย์  อ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์ พร้อมชาวบ้านอีกหลายคน จนดึก กำนันบอกพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมา จะแวะมาคุยต่อ ฮ่าๆๆๆ
ซ้ายกำนันโต ขวาคุณสัจภูมิ  ละออ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
  




blog comments powered by Disqus