16 มี.ค. 2556 เวลา 20:50 น., โดย จำรัส เซ็นนิล
เดินทางเท้าเปล่า
เดินเท้าเปล่า
"ต้านเศร้า-ลดเครียด-ผ่องถ่ายคลื่นไฟฟ้า"
จำรัส เซ็นนิล รวบรวม/เรียบเรียง
“คุณจำรัส ว่างๆก็หาเวลาเดินเท้าเปล่าบนสนามหญ้าบ้าง...เพื่อผ่องถ่ายคลื่นไฟฟ้าจากโทรศัพท์มือถือ เราไม่รู้หรอกทุกครั้งที่รับโทรศัพท์เอามาแนบหูคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามันได้เข้ามาสถิตแบบสะสมยิ่งบางคนคุยนานาๆยิ่งอันตราย ลองพิสูจน์โยหลักวิทยาศาสตร์เอาโทรศัพท์ ๒ เครื่องวางใกล้ๆโทรหากัน..แล้วเอาไข่ไก่วางตรงกลาง..ถ้าโทรนานๆไข่จะสุกได้”
นี่คือคำแนะนำของ นพ.สุรพันธ์ ศรีวัฒนกุล ที่คุยกับผมที่โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค กรุงเทพฯ เมื่อครั้งที่ท่านมาบรรยายเรื่องสเต็มเซลล์ คุณหมอสุรพันธ์เรียนจบที่อเมริกา และทำงานที่นั่น นานๆจะมีโอกาสมาเมืองไทยสักครั้ง ตั้งแต่ท่านแนะนำก็ยังไม่มีโอกาสทิ้งรองเท้าเดินเท้าเปล่าเลย จนกระทั่งผมได้ไปปฏิบัติธรรมกับพระครูภาวนาสันติคุณ ทายาทธรรมของท่านพุทธทาสภิกขุ แห่งส่วนโมกขพลาราม ท่านสอนผมว่า
“ เขตพุทธาวาส ไม่ให้ใส่รองเท้า เป็นการเคารพ และสัมมาคารวะ พระทุกรูปไม่มีใครใส่รองเท้า การเดินบนพื้นไม่เรียบทำให้สัมผัสพื้นผิวที่แตกต่าง ได้สัมผัสกับความรู้สึกต่างๆเวลาเดิน ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกเจ็บ ร้อน เย็น หรือนุ่ม ซึ่งช่วยดึงสติให้จดจ่อกับความรู้สึกที่ฝ่าเท้ามากขึ้น เปรียบได้กับการฝึกสติไปในตัว”


ครั้งแรกๆที่ถอดรองเท้าเดินให้รู้สึกสงสารเท้า พอเท้าสัมผัสดินรู้สึกจักกะจี้ คิดต่างๆนาๆ กลัวเจ้าเชื้อโรคร้ายมันคืบคานซอนไซเข้ามา เลยต้องใช้สมุนไพรสูตรปรามโรคของอาจารย์พัฒน์ สันทัดทาเสียก่อน ฮ่าๆๆ
เดินไปเดินมาชักติดใจรู้สึกได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างดื่มด่ำ เหมือนได้เชื่อมต่อจิตวิญญาณกับธรรมชาติ เหมือนมีพลัง สดชื่นอย่างบอกไม่ถูกอาจารย์ท่านบอกว่าพลังธรรมชาติเป็นพลังบวก ทำให้ร่างกายผ่อนคลาย จิตใจสบายและไม่ซึมเศร้า มิน่าล่ะกลางคืนหลับสบาย แถมตื่นเช้าโดยไม่ต้องปลุก และไม่เพลีย
คำสอนของท่านอาจารย์ที่ผมประทับใจมากคือท่านบอกว่า “ฉันกับต้นไม้ ลมหายใจเดียวกัน ลมหายใจของฉัน..คือลมหายใจของต้นไม้ ต้นไม้คายออกซิเจนออกมา ...คนเราสูดออกซิเจนเข้าไป แล้วคายคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ...ต้นไม้ก็กินคาร์บอนไดออกไซด์จากคนเข้าไป เป็นอยู่อย่างนี้ชั่วนาตาปี ต่างอาศัยซึ่งกันและกัน..ฉันกับต้นไม้..มีลมหายใจเดียวกัน ผมฟังแล้วรู้สึกรักต้นไม้อย่างบอกไม่ถูก ไม่กล้าตัดหรือทำลายต้นไม้ เพราะเราลมหายใจเดียวกัน ท่านอาจารย์ยังสอนอีกว่า ป่าเป็นถิ่นที่อยู่ของต้นไม้ คนเราต่างหากที่อาศัยเขาอยู่ อย่าไปทำลายเจ้าของบ้าน ฮ่าๆๆ

คำสอนในการเดินเท้าเปล่าของท่านอาจารย์สอดคล้องกับข้อเขียนของนายแพทย์ไซมอน เจ ไวเกลอร์ ( Aimon J. Wikler ) ในหนังสือ Take Off Your Shoes and Walk บอกว่าการเดินเท้าเปล่าช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้น สามารถลดความวิตกกังวลลงได้ถึงร้อยละ ๖๐ เพราะเมื่อร่างกายผ่อนคลายจะหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุขออกมา การได้สัมผัสพื้นดินที่ไม่เรียบให้ผลไม่ต่างจากการนวดเท้า เพราะเท้าของคนเรามีจุดสะท้อนที่ส่งผลต่อร่างกายมากมาย เมื่อเหยียบลงพื้นดิน ทราย หิน หรือขี้หมา เอ้ย..ไม่ใช่ ฮ่าๆๆ เมื่อเหยียบสิ่งเหล่านี้ จะช่วยให้จุดสะท้อนนั้นได้รับการกระตุ้น ส่งผลให้ระบบต่างๆในร่างกายทำงานดีขึ้นหลังจากได้รับผลกระทบจากความเครียดและการทำงานหนักมาทั้งวัน
ส่วนมหันตภัยเรื่องโทรศัพท์มือถือคุณหมอสุรพันธ์ ท่านบอกว่าเดินเท้าเปล่า จะทำให้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่สะสมในร่างกายเราผ่องถ่ายลงพื้นได้ดี ลดการมึนหัว ปวดท้ายทอยอันเนื่องจากใช้โทรศัพท์นานๆ มีผลการวิจิยชี้ชัดว่าใช้โทรศัพท์นานๆเกิน ๒ ชั่วโมง คลื่นจะทะลุทะลวงส่งผลทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์-มะเร็ง-หัวใจวายจะมาเยือนแน่นอน
นักวิจัยจากประเทศฟิลแลนด์ได้นำเซลล์มองมนุษย์ทดลองเลี้ยงไว้ในหลอดวิทยาศาสตร์ และให้สัมผัสกับคลื่นโทรศัพท์มือเพื่อดูความผิดปกติของเซลล์สมองปรากฎว่า พบความผิดปกติที่มีผลต่อหลอดเลือดสมอง โดยคลื่นวิทยุมือถือทำปฎิกิริยาต่อการหดตัวและทำลายเนื้อเยื่อและช่องว่างของคลื่นสมองจึงทำให้เซลล์สมองบางส่วนถูกทำลาย
ด้านงานวิจัยในประเทศสวีเดนได้มีการเผยแพร่สู่สาธารณชนเมื่อต้นปี ๒๕๔๖ มีการนำหนูมาเป็นตัวทดลอง โดยการออกแบบกรงพิเศษให้หนูอยู่แล้วใช้คลื่นโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ GSM กำหนดค่าความเข้มของคลื่นโทรศัพท์มือถือที่ใช้ทดลองกับหนูให้มีค่าต่ำกว่าการใช้กับคนเท่ากับ ๑๐๐ เท่า โดยให้หนูสัมผัสกับคลื่นวันละ ๒ ชั่วโมง เป็นเวลา ๕๐ วัน ปรากฎว่าเซลล์สมองถูกทำลายเป็นหย่อมๆ มีผลต่อความทรงจำ หรือที่เรียกว่าโรคอัลไซเมอร์
ไม่เพียงเท่านี้ ผลการวิจัยในประเทศเบลเยี่ยมได้นำหนอน ซึ่งมีเมมเบนใกล้เคียงกับมนุษย์มากที่สุดให้สัมผัสกับคลื่นโทรศัพท์มือถือพบว่า มีการเหนี่ยวนำทางพันธุกรรมแสดงออกผิดปกติเพราะโดยธรรมชาติดีเอ็นเอของมนุษย์ถ้าเป็นยีนส์ปกติจะไม่แสดงออก แต่ปรากฎว่าหนอนที่
นำมาทดลองมีการตอบสนองการเหนี่ยวนำทางพันธุกรรมแสดงว่าร่างกายผิดปกติ
สำหรับประเทศอิตาลีได้นำเม็ดเลือดขาวมาทดลองในห้องปฏิบัติการ โดยฉายรังสีเข้าไป ๒ ส่วน คือเซลล์มะเร็งและเม็ดเลือดขาวเป็นเวลา ๒ ชั่วโมงปรากฎว่า เม็ดเลือดขาวตายส่วนเซลล์มะเร็งมีการแบ่งตัวผิดปกติมีการแสดงออก ๓-๕ ตัว ซึ่งแสดงว่ารังสีมีความสัมพันธ์ต่อผู้ป่วยโรคมะเร็ง โดยจะเป็นตัวกระตุ้นโรคมะเร็งได้ด้วย
นอกจากนี้ ยังมีผลวิจัยของนักฟิสิกซ์ชาวต่างชาติพบว่า คลื่นโทรศัพท์มือถือจะส่งผลกระทบกับสเปิร์มในกรณีที่ผู้ชายเปิดมือถือ และคาดไว้ที่เข็มขัดจะทำให้ตัวสเปิร์มมีการไหลเวียนช้าลงและจะทำให้ผู้ชายกลายเป็นหมันอีกด้วย
อะไรก็ตามมักมี ๒ ด้าน ทั้งด้านบวกและด้านลบ ..รู้ขารู้เรา แล้วให้ระวังพิษภัยที่จะมาเยือน อย่างไรก็ตามถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ใช้โทรศัพท์แต่น้อย ๆแล้วว่างๆลองถอดรองเท้าเดินเท้าเปล่าดู แล้วท่านจะติดใจ เมื่อเสร็จภารกิจแล้วหมั้นล้างบ่อยๆ จะได้ไม่เหม็นขี้หมา ผมโดนมา..แย้วล์ ฮ่าๆๆ
-----------------------------------------------------------------------